อำนาจและทรัพยากรทางการเมือง : ศึกษากรณีในรัชกาลที่ 1 (พ.ศ. 2325-2352)

วิทยานิพนธ์ฉบับนี้ต้องการศึกษาคุณลักษณะทรัพยากรทางอำนาจ การใช้ การได้มาซึ่ง อำนาจ และการเปลี่ยนแปลงของทรัพยากรทางอำนาจในสมัยรัชกาลที่ 1 ผลการศึกษาพบว่า การได้มาซึ่งอำนาจนั้นได้จากทรัพยากรทางอำนาจดังนี้คือ ความมั่งคั่งทางเศรษฐกิจ ซึ่งแสวงหามาจากการค้ากับจีนเป็นส่วนใหญ่ กำลังไพร่พล ซึ่งกลายเป็นฐานอำนา...

وصف كامل

محفوظ في:
التفاصيل البيبلوغرافية
المؤلف الرئيسي: สุรวุฒิ ปัดไธสง
مؤلفون آخرون: วิทยา สุจริตธนารักษ์
التنسيق: Theses and Dissertations
اللغة:Thai
منشور في: จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย 1990
الموضوعات:
الوصول للمادة أونلاين:https://digiverse.chula.ac.th/Info/item/dc:67123
الوسوم: إضافة وسم
لا توجد وسوم, كن أول من يضع وسما على هذه التسجيلة!
المؤسسة: Chulalongkorn University
اللغة: Thai
الوصف
الملخص:วิทยานิพนธ์ฉบับนี้ต้องการศึกษาคุณลักษณะทรัพยากรทางอำนาจ การใช้ การได้มาซึ่ง อำนาจ และการเปลี่ยนแปลงของทรัพยากรทางอำนาจในสมัยรัชกาลที่ 1 ผลการศึกษาพบว่า การได้มาซึ่งอำนาจนั้นได้จากทรัพยากรทางอำนาจดังนี้คือ ความมั่งคั่งทางเศรษฐกิจ ซึ่งแสวงหามาจากการค้ากับจีนเป็นส่วนใหญ่ กำลังไพร่พล ซึ่งกลายเป็นฐานอำนาจของรัชกาลที่ 1 นั้น เพราะมีการจัดระบบไพร่อย่างมีประสิทธิภาพ รัชกาลที่ 1 ทรงมีพระปรีชาสามารถในการดึงกลุ่มขุนนาง และพระประยูรญาติมาเป็นฐานอำนาจได้ตั้งแต่พระองค์ยังทรงเป็นขุนนางสมัยกรุงธนบุรี ทรงใช้พุทธศาสนา โดยใช้อุดมการณ์ธรรมราชา สร้างความชอบธรรมแก่พระองค์อย่างได้ผล ทรงครอบครองประเทศราชเพื่อประโยชน์ทั้งในแง่ยุทธศาสตร์ แหล่งที่มาของสินค้า กำลังคน และการเสริมสร้างเกียรติภูมิของพระองค์ ในด้านการใช้อำนาจนั้น พบว่าได้มีการใช้อำนาจทั้งในแบบใช้กำลัง เช่น การสำเร็จโทษ พระเจ้ากรุงธนบุรี การใช้วิธีการเกลี้ยกล่อมชักจูง เช่น การรวบรวมหัวเมืองล้านนาไทย การใช้อำนาจแบบแบ่งแยกแล้วปกครอง และการสร้างดุลแห่งอำนาจ เช่น ในหัวเมืองทางใต้และมาลายูนอกจากนี้ยังมีการใช้อำนาจแบบอำนาจหน้าที่ เช่น การออกพระราชกำหนด เป็นต้น การศึกษานี้ยังพบอีกว่า เมื่อเหตุการณ์เปลี่ยนแปลงไป ลำดับความสำคัญและสาระของทรัพยากรทางอำนาจบางประการได้เปลี่ยนแปลงไปด้วยคือ ความเป็นขุนนางผู้ใหญ่ที่มีความสามารถทั้งในด้านการรบ การบริหาร การมีบุคลิกภาพที่โอบอ้อมอารีต่อลูกน้อง เช่น เจ้าพระยาจักรีนั้น กลายเป็นคุณสมบัติที่อยู่ในลำดับสำคัญสูงในอันที่ก้าวขึ้นมาเป็นกษัตริย์ครองราชย์ ซึ่งผิดกับสมัยอยุธยาและกรุงธนบุรี ที่มีความเป็นเชื้อพระวงศ์เป็นคุณสมบัติอันสำคัญมาก นอกจากนี้ยังได้มีการใช้พุทธศาสนาเป็นทรัพยากรทางอำนาจที่เน้นความเป็นธรรมราชาในหลาย ๆ ด้าน คือ ใช้ทั้งในแง่กฎหมาย วรรณกรรมทางพุทธศาสนา การปรับปรุงคณะสงฆ์ และการสังคายนาพระไตรปิฎกอันเป็นกิจกรรมที่เน้นอย่างแตกต่างไปจากอดีต