การพัฒนาคุณสมบัติของเส้นลวดทองคำ 14 กะรัต โดยกรรมวิธีทางความร้อน
งานวิจัยนี้เป็นการศึกษาความสัมพันธ์ระหว่างโครงสร้างจุลภาค ระยะเวลาในการอบเป็นเนื้อเดียว และค่าความแข็งของเส้นลวดทองคำ 14 กะรัต (59.Owt.%Au-14.6wt%Ag-26.4wt%Cu) ที่ผลิตด้วยกรรมวิธีการหล่อด้วยแบบปูนในระบบสุญญากาศและนำมารีดเป็นเส้นลวดด้วยปริมาณลดพื้นที่หน้าตัด 0-88 เปอร์เซ็นต์ เพื่อเปรียบเทียบกับเส้นลว...
Saved in:
Main Author: | |
---|---|
Other Authors: | |
Format: | Theses and Dissertations |
Language: | Thai |
Published: |
จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
1998
|
Subjects: | |
Online Access: | https://digiverse.chula.ac.th/Info/item/dc:58891 |
Tags: |
Add Tag
No Tags, Be the first to tag this record!
|
Institution: | Chulalongkorn University |
Language: | Thai |
Summary: | งานวิจัยนี้เป็นการศึกษาความสัมพันธ์ระหว่างโครงสร้างจุลภาค ระยะเวลาในการอบเป็นเนื้อเดียว และค่าความแข็งของเส้นลวดทองคำ 14 กะรัต (59.Owt.%Au-14.6wt%Ag-26.4wt%Cu) ที่ผลิตด้วยกรรมวิธีการหล่อด้วยแบบปูนในระบบสุญญากาศและนำมารีดเป็นเส้นลวดด้วยปริมาณลดพื้นที่หน้าตัด 0-88 เปอร์เซ็นต์ เพื่อเปรียบเทียบกับเส้นลวดทองคำที่ไม่ผ่านการอบเป็นเนื้อเดียว ผลการทดลองพบว่า โครงสร้างที่เกิดการแยกชั้นในระดับจุลภาคหรือคอริ่งถูกขจัดด้วยการอบเป็นเนื้อเดียวที่อุณหภูมิ 800 องศาเซลเซียส เป็นเวลา 4 ชั่วโมง จากนั้นชุบลงในน้ำผสมน้ำแข็งที่มีอุณหภูมิใกล้ 0 องศาเซลเซียส การทดลองดังกล่าวพบว่าชิ้นงานทดสอบที่ผ่านการอบเป็นเนื้อเดียวมีค่าความแข็งลดลงและกระจายตัวสม่ำเสมอกว่าชิ้นงานที่ไม่ผ่านการอบเป็นเนื้อเดียว การศึกษาเพิ่มเติมเกี่ยวกับอิทธิพลของการอบอ่อน และอบเพิ่มความแข็งต่อค่าความแข็งเส้นลวดทองคำ 14 กะรัต ที่มีปริมาณลดพื้นที่หน้าตัด 88 เปอร์เซ็นต์ พบว่าชิ้นงานทดลองที่ผ่านการอบเป็นเนื้อเดียวและไม่ผ่านการอบเป็นเนื้อเดียว มีค่าความแข็งเพิ่มขึ้นหลังจากผ่านการอบเพิ่มความแข็งที่ทำให้เกิดการตกผลึกเป็นเฟสใหม่ อย่างไรก็ตามผลการอบเป็นเนื้อเดียว การอบอ่อน การอบเพิ่มความแข็ง แสดงความแตกต่างด้านค่าความแข็งไม่มากนัก (260 HV) เมื่อเปรียบเทียบกับชิ้นงานที่ไม่ผ่านการอบเป็นเนื้อเดียว (253 HV) |
---|