Development of light weight ballistic armor from fibers-reinforced with benzoxazine alloys

จุดมุ่งหมายของงานวิจัยนี้เพื่อศึกษาประสิทธิภาพของเกราะกันกระสุนจากเบนซอกซาซีนเสริมแรงด้วยเส้นใยแก้วและเบนซอกซาซีน-ยูรีเทน อัลลอยเสริมแรงด้วยเส้นใยเคฟลาร์ ในการต้านการเจาะทะลุของกระสุน 7.62 มม. โดยเบนซอกซาซีน (BA-a) เป็นพอลิเมอร์ในตระกูลฟีนอลิกที่มีคุณสมบัติเด่นหลายประการ ได้แก่ สังเคราะห์ได้ง่าย ควา...

Full description

Saved in:
Bibliographic Details
Main Author: Pornnapa Kasemsiri
Other Authors: Sarawut Rimdusit
Format: Theses and Dissertations
Language:English
Published: Chulalongkorn University 2011
Subjects:
Online Access:https://digiverse.chula.ac.th/Info/item/dc:48647
Tags: Add Tag
No Tags, Be the first to tag this record!
Institution: Chulalongkorn University
Language: English
id 48647
record_format dspace
spelling 486472024-03-19T02:13:46Z https://digiverse.chula.ac.th/Info/item/dc:48647 ©Chulalongkorn University Thesis 10.58837/CHULA.THE.2011.1716 eng Pornnapa Kasemsiri Development of light weight ballistic armor from fibers-reinforced with benzoxazine alloys การพัฒนาเกราะกันกระสุนน้ำหนักเบาจากเบนซอกซาซีนอัลลอยโดยใช้เส้นใยเสริมแรง Chulalongkorn University 2011 2011 จุดมุ่งหมายของงานวิจัยนี้เพื่อศึกษาประสิทธิภาพของเกราะกันกระสุนจากเบนซอกซาซีนเสริมแรงด้วยเส้นใยแก้วและเบนซอกซาซีน-ยูรีเทน อัลลอยเสริมแรงด้วยเส้นใยเคฟลาร์ ในการต้านการเจาะทะลุของกระสุน 7.62 มม. โดยเบนซอกซาซีน (BA-a) เป็นพอลิเมอร์ในตระกูลฟีนอลิกที่มีคุณสมบัติเด่นหลายประการ ได้แก่ สังเคราะห์ได้ง่าย ความหนืดต่ำ ไม่มีผลพลอยได้จากการบ่ม ค่าการหดตัวจากการขึ้นรูปใกล้ศูนย์ เสถียรภาพทางความร้อนและสมบัติทางกลสูง นอกจากนี้สามารถทำอัลลอยร่วมกับเรซินอื่นได้หลายชนิดเนื่องจากมีหมู่ฟังก์ชันที่หลากหลาย งานวิจัยนี้ใช้ยูรีเทนอิลาสโตเมอร์ (PU) เพื่อเพิ่มความยืดหยุ่นของพอลิเบนซอกซาซีน และผลกระทบที่มีต่อลักษณะของเกราะกันกระสุน จากผลการทดลองพบว่าอุณหภูมิการเปลี่ยนสถานะคล้ายแก้วของเบนซอกซาซีนเสริมแรงด้วยเส้นใยแก้วเป็น 182 องศาเซลเซียส ในขณะที่เบนซอกซาซีน-ยูรีเทน อัลลอยเสริมแรงด้วยเส้นใยเคฟลาร์ มีอุณหภูมิการเปลี่ยนสถานะคล้ายแก้วเพิ่มขึ้นจาก 184 องศาเซลเซียส เป็น 247 องศาเซลเซียส เมื่อมีปริมาณยูรีเทน 0-40% โดยน้ำหนัก ค่าพลังงานก่อกัมมันต์ที่ได้จากอุณหภูมิการเปลี่ยนสถานะคล้ายแก้วของคอมพอสิทเพิ่มขึ้น เมื่อสัดส่วนของยูรีเทนเพิ่มขึ้น สำหรับคุณสมบัติทางกลพบว่า ค่าความแข็งแรงภายใต้แรงดัดโค้งของเบนซอกซาซีนเสริมแรงด้วยเส้นใยแก้วมีค่า 506 เมกะปาสคาล และมีค่า 74-153 เมกะปาสคาล สำหรับเบนซอกซาซีน-ยูรีเทนอัลลอยเสริมแรงด้วยเส้นใยเคฟลาร์ เมื่อมีปริมาณยูรีเทน 0-40% โดยน้ำหนัก จากผลการทดสอบการยิงพบว่าเกราะแข็งกันกระสุนที่ประกอบด้วยเบนซอกซาซีนเสริมแรงด้วยเส้นใยแก้วจำนวน 2 แผ่นประกบกับเบนซอกซาซีน-ยูรีเทนอัลลอยเสริมแรงด้วยเส้นใยเคฟลาร์จำนวน 1 แผ่น (อัตราส่วนของเบนซอกซาซีน/ยูรีเทน 80/20) สามารถต้านทานการเจาะทะลุของกระสุน 7.62 มม. (ความเร็ว 838 ± 15 เมตรต่อวินาที) ซึ่งเทียบเท่ากับการต้านทานในระดับ III ตามมาตรฐาน NIJ Ballistic impact performance of glass fiber and Kevlar TM fiber reinforced benzoxazine resin and benzoxazine-urethane alloy has been studied against 7.62 mm armor piercing projectiles. Benzoxazine resin which is one kind of phenolic resins was selected to apply as matrix for reinforced fiber due to its outstanding properties, no by-product during polymerization, high thermal stability, excellent mechanical properties, and ability to alloy with various types of resins. In this work, urethane elastomer (PU) is used to enhance toughness of the polybenzoxazine and its effects on the ballistic characteristics. The results reveal that the glass transition temperature (Tg) was found to be about 182oC for glass fiber reinforced benzoxazine resin whereas Tg of KevlarTM fiber reinforced benzoxazine-urethane alloys increased from 184oC to 247oC with the increasing amount of the urethane from 0-40% by weight. The activation energy obtained from Tg of composites increased with increasing amount of urethane fraction. For mechanical properties, flexural strength of glass fiber reinforced benzoxazine resin was about 506 MPa for glass fiber composite and 74-153 MPa for KevlarTM fiber reinforced benzoxazine-urethane alloys at urethane content from 0 to 40% by weight. The result of fire test presented that the hard ballistic armor consisted of 2 panels of glass fiber reinforced benzoxazine resin and 1 panel of KevlarTM fiber reinforced benzoxazine urethane alloy (80/20 BA-a/PU) can resist the penetration 7.62 mm AP projectile (838 ± 15m/s) equivalent to level III of NIJ standard. 211 pages Body armor Ballistic fabrics เสื้อเกราะ ผ้ากันกระสุน Sarawut Rimdusit Hiziroglu, Salim https://digiverse.chula.ac.th/digital/file_upload/biblio/cover/48647.jpg
institution Chulalongkorn University
building Chulalongkorn University Library
continent Asia
country Thailand
Thailand
content_provider Chulalongkorn University Library
collection Chulalongkorn University Intellectual Repository
language English
topic Body armor
Ballistic fabrics
เสื้อเกราะ
ผ้ากันกระสุน
spellingShingle Body armor
Ballistic fabrics
เสื้อเกราะ
ผ้ากันกระสุน
Pornnapa Kasemsiri
Development of light weight ballistic armor from fibers-reinforced with benzoxazine alloys
description จุดมุ่งหมายของงานวิจัยนี้เพื่อศึกษาประสิทธิภาพของเกราะกันกระสุนจากเบนซอกซาซีนเสริมแรงด้วยเส้นใยแก้วและเบนซอกซาซีน-ยูรีเทน อัลลอยเสริมแรงด้วยเส้นใยเคฟลาร์ ในการต้านการเจาะทะลุของกระสุน 7.62 มม. โดยเบนซอกซาซีน (BA-a) เป็นพอลิเมอร์ในตระกูลฟีนอลิกที่มีคุณสมบัติเด่นหลายประการ ได้แก่ สังเคราะห์ได้ง่าย ความหนืดต่ำ ไม่มีผลพลอยได้จากการบ่ม ค่าการหดตัวจากการขึ้นรูปใกล้ศูนย์ เสถียรภาพทางความร้อนและสมบัติทางกลสูง นอกจากนี้สามารถทำอัลลอยร่วมกับเรซินอื่นได้หลายชนิดเนื่องจากมีหมู่ฟังก์ชันที่หลากหลาย งานวิจัยนี้ใช้ยูรีเทนอิลาสโตเมอร์ (PU) เพื่อเพิ่มความยืดหยุ่นของพอลิเบนซอกซาซีน และผลกระทบที่มีต่อลักษณะของเกราะกันกระสุน จากผลการทดลองพบว่าอุณหภูมิการเปลี่ยนสถานะคล้ายแก้วของเบนซอกซาซีนเสริมแรงด้วยเส้นใยแก้วเป็น 182 องศาเซลเซียส ในขณะที่เบนซอกซาซีน-ยูรีเทน อัลลอยเสริมแรงด้วยเส้นใยเคฟลาร์ มีอุณหภูมิการเปลี่ยนสถานะคล้ายแก้วเพิ่มขึ้นจาก 184 องศาเซลเซียส เป็น 247 องศาเซลเซียส เมื่อมีปริมาณยูรีเทน 0-40% โดยน้ำหนัก ค่าพลังงานก่อกัมมันต์ที่ได้จากอุณหภูมิการเปลี่ยนสถานะคล้ายแก้วของคอมพอสิทเพิ่มขึ้น เมื่อสัดส่วนของยูรีเทนเพิ่มขึ้น สำหรับคุณสมบัติทางกลพบว่า ค่าความแข็งแรงภายใต้แรงดัดโค้งของเบนซอกซาซีนเสริมแรงด้วยเส้นใยแก้วมีค่า 506 เมกะปาสคาล และมีค่า 74-153 เมกะปาสคาล สำหรับเบนซอกซาซีน-ยูรีเทนอัลลอยเสริมแรงด้วยเส้นใยเคฟลาร์ เมื่อมีปริมาณยูรีเทน 0-40% โดยน้ำหนัก จากผลการทดสอบการยิงพบว่าเกราะแข็งกันกระสุนที่ประกอบด้วยเบนซอกซาซีนเสริมแรงด้วยเส้นใยแก้วจำนวน 2 แผ่นประกบกับเบนซอกซาซีน-ยูรีเทนอัลลอยเสริมแรงด้วยเส้นใยเคฟลาร์จำนวน 1 แผ่น (อัตราส่วนของเบนซอกซาซีน/ยูรีเทน 80/20) สามารถต้านทานการเจาะทะลุของกระสุน 7.62 มม. (ความเร็ว 838 ± 15 เมตรต่อวินาที) ซึ่งเทียบเท่ากับการต้านทานในระดับ III ตามมาตรฐาน NIJ
author2 Sarawut Rimdusit
author_facet Sarawut Rimdusit
Pornnapa Kasemsiri
format Theses and Dissertations
author Pornnapa Kasemsiri
author_sort Pornnapa Kasemsiri
title Development of light weight ballistic armor from fibers-reinforced with benzoxazine alloys
title_short Development of light weight ballistic armor from fibers-reinforced with benzoxazine alloys
title_full Development of light weight ballistic armor from fibers-reinforced with benzoxazine alloys
title_fullStr Development of light weight ballistic armor from fibers-reinforced with benzoxazine alloys
title_full_unstemmed Development of light weight ballistic armor from fibers-reinforced with benzoxazine alloys
title_sort development of light weight ballistic armor from fibers-reinforced with benzoxazine alloys
publisher Chulalongkorn University
publishDate 2011
url https://digiverse.chula.ac.th/Info/item/dc:48647
_version_ 1829269381311365120