Role of contrast enhanced cranial CT scan on the management of patients with clinical diagnosis of stroke
วัตถุประสงค์ : เพื่อศึกษาผลของการตรวจเอกซเรย์คอมพิวเตอร์ (CT) ที่มีการฉีดสารทึบรังสีเข้าหลอดเลือดดำร่วมด้วยต่อการวางแผนการรักษาผู้ป่วยที่มีอาการผิดปกติของระบบประสาทอย่างเฉียบพลันที่ได้รับการวินิจฉัยเบื้องต้นว่ามีสาเหตุเนื่องจากสภาวะที่สมองขาดเลือด รูปแบบการวิจัย : การวิจัยโดยการสังเกตเชิงพรรณา สถานท...
Saved in:
主要作者: | |
---|---|
其他作者: | |
格式: | Theses and Dissertations |
語言: | English |
出版: |
Chulalongkorn University
2002
|
主題: | |
在線閱讀: | https://digiverse.chula.ac.th/Info/item/dc:31348 |
標簽: |
添加標簽
沒有標簽, 成為第一個標記此記錄!
|
機構: | Chulalongkorn University |
語言: | English |
總結: | วัตถุประสงค์ : เพื่อศึกษาผลของการตรวจเอกซเรย์คอมพิวเตอร์ (CT) ที่มีการฉีดสารทึบรังสีเข้าหลอดเลือดดำร่วมด้วยต่อการวางแผนการรักษาผู้ป่วยที่มีอาการผิดปกติของระบบประสาทอย่างเฉียบพลันที่ได้รับการวินิจฉัยเบื้องต้นว่ามีสาเหตุเนื่องจากสภาวะที่สมองขาดเลือด รูปแบบการวิจัย : การวิจัยโดยการสังเกตเชิงพรรณา สถานที่ทำการวิจัย : โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ สภากาชาดไทย ประชากรที่ศึกษา : ผู้ป่วยอายุมากกว่า 45 ปี จำนวน 257 ราย ที่มีอาการผิดปกติทางระบบประสาทอย่างเฉียบพลัน ที่แพทย์ให้การวินิจฉัยเบื้องต้นว่ามีสาเหตุมาจากสมองขาดเลือดไปเลี้ยงและแพทย์ส่งตรวจเอกซเรย์คอมพิวเตอร์ของสมองเพื่อวางแผนการรักษา วิธีการศึกษา : ผู้ป่วยได้รับการตรวจ CT โดยเซ็นใบยินยอมรับการตรวจวินิจฉัย แพทย์ประจำบ้านสาขารังสีวิทยาเป็นผู้ประเมินผล CT แพทย์ผู้ส่งตรวจจะวางแผนการรักษาผู้ป่วยเมื่อทราบผล CT โดยจะมีการตรวจ CT เพิ่มเติมหลังจากฉีดสารทึบรังสีเข้าหลอดเลือดดำ ในกรณีที่แพทย์คิดว่าจำเป็นต่อการวางแผนการรักษา การวัดผล : สัดส่วนของผู้ป่วยที่ผลการตรวจ CT ซึ่งมีการฉีดสารทึบรังสีเข้าหลอดเลือดดำร่วมด้วยที่ มีผลในการเปลี่ยนแปลงแผนการรักษาจากภาวะสมองขาดเลือดไปเลี้ยง รวมทั้งการวิเคราะห์ต้นทุนประสิทธิผลของการตรวจวินิจฉัยที่มีผลต่อการวางแผนการรักษา ผลการวิจัย : จากจำนวนผู้ป่วยทั้งหมดที่แพทย์ส่งตรวจ CT 257 ราย มีการฉีดสารทึบรังสีร่วมด้วย 52 ราย (20.2%) มีเพียง 5 ราย ที่ผลการตรวจดังกล่าวมีผลเปลี่ยนแปลงการวางแผนการรักษาจากภาวะที่มีการอุดตันของหลอดเลือด หรือภาวะเลือดออกจากความดันโลหิตสูงเป็นการรักษาแบบอื่น จากการวิเคราะห์ต้นทุน-ประสิทธิผลพบว่า ต้องมีการใช้เงิน 29,000 บาท ต่อ 1 รายที่มีการเปลี่ยนแปลงการรักษา นอกจากนี้ในกรณีที่มีการใช้สารทึบรังสีชนิด nonionic แทนสารทึบรังสีชนิด ionic จะมีค่าต้นทุน-ประสิทธิผลเป็น 31,500 บาท สรุป : ในการวางแผนการรักษาผู้ป่วยในกลุ่มอายุเกิน 45 ปี ที่ได้รับการวินิจฉัยเบื้องต้นว่ามีอาการผิดปกติเฉียบพลันของระบบประสาทจากภาวะเลือดไปเลี้ยงสมองไม่เพียงพอ เนื่องจากภาวะหลอดเลือดอุดตันหรือมีเลือดออกในสมองจากผลของความดันโลหิตสูง ส่วนใหญ่ของผู้ป่วยสามารถใช้เพียงผลการตรวจเอกซเรย์คอมพิวเตอร์ที่ไม่จำเป็นต้องฉีดสารทึบรังสีเข้าหลอดเลือดดำ ที่แสดงลักษณะความผิดปกติของสมองที่เกิดจากการอุดตันของหลอดเลือดในตำแหน่งที่เฉพาะเจาะจง การอุดตันของหลอดเลือดขนาดเล็ก การมีเลือดออกในสมองในตำแหน่งเฉพาะเจาะจงจากภาวะความดันโลหิตสูง หรือไม่พบความผิดปกติจากการตรวจ CT ช่วยวางแผนในการรักษาได้ถ้าแพทย์ผู้ทำการตรวจรักษาผู้ป่วย และรังสีแพทย์มีหลัเกณฑ์การวินิจฉัยที่แม่นยำและมีประสบการณ์เพียงพอ |
---|